
คำถามที่ 1 
หน้าที่เบื้องต้นของมุสลิมได้แก่อะไร ? |
- หน้าที่เบื้องต้นของมุสลิมคือ การศึกษา เพราะนบีมุฮัมมัด ﷺ กล่าวว่า :
طَلَبُ الْعِلْمِ فَرِيضَةٌ عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ
“การแสวงหาวิชาความรู้เป็นหน้าที่บังคับแก่มุสลิมทุกคน”
นำเสนอโดย อิบนุมาญะฮ์
คำถามที่ 2 
ความรู้จะต้องมาก่อนการปฏิบัติใช่หรือไม่ ? |
- ใช่ ความรู้จะต้องมาก่อนการปฏิบัติ เพราะอัลลอฮ์ ﷻ ตรัสว่า :
فَٱعْلَمْ أَنَّهُۥ لَآ إِلَٰهَ إِلَّا ٱللَّهُ وَٱسْتَغْفِرْ لِذَنۢبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَٱلْمُؤْمِنَٰتِ
“พึงรู้เถิด ไม่พระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์ และจงขออภัยโทษในความผิดของเจ้าและความผิดของบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง”
ซูเราะห์ มุฮัมมัด อายะห์ที่ 19
คำถามที่ 3 
หลักศาสนาอิสลามได้มาจากอะไร ? |
- หลักศาสนาอิสลามได้มาจากสิ่ง ๒ ประการคือ คัมภีร์อัล กุรอาน และซุนนะฮ์ ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า :
إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ شَيْئَيْنِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُمَا : كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّتِي
“แท้จริง ฉันได้ละสิ่ง ๒ สิ่งไว้ในพวกท่าน ท่านทั้งหลายจะไม่หลงผิดหลังจากทั้งสองนั้นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์และซุนนะฮ์ของฉัน”
บันทึกโดย อิมามมาลิกและอัล ฮากิม จากอบีฮุรอยเราะฮ์
คำถามที่ 4 
หลักศาสนาอิสลามมีกี่ระดับ ? |
- หลักศาสนาอิสลามมี ๓ ระดับคือ ระดับที่ ๑ อิสลาม ระดับที่ ๒ อีมาน ระดับที่ ๓ อิห์ซาน
คำถามที่ 5 
หลักศาสนาอิสลามทั้ง ๓ ระดับได้มาจากที่ไหน ? |
- หลักศาสนาอิสลามทั้ง ๓ ระดับได้มาจากหะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ ซึ่งท่านอุมัร อิบนุลคอฏฏอบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้รายงาน โดยที่ท่านญิบรีลจำแลงกายในรูปร่างของมนุษย์ได้มาหาท่านนบีแล้วถามท่านว่า “อิสลามคืออะไร ? อีมานคืออะไร ? อิห์ซานคืออะไร ?” ท่านนบี ﷺ ก็ได้ตอบ เมื่อท่านญิบรีลจากไปท่านนบี ﷺ จึงถามบรรดาศ่อฮาฮาบะฮ์ว่า : “ท่านทั้งหลายรู้ไหมว่า ชายผู้นั้นคือใคร ?” บรรดาศ่อฮาบะฮ์กล่าวว่า : “อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์รู้ยิ่ง” ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า : “เขาคือ ญิบรีล มาเพื่อสอนศาสนาแก่พวกท่าน”
คำถามที่ 6 
อิสลามคืออะไร ? มีทั้งหมดกี่ประการ ? |
อิสลามคือ การจงรักภักดีและการยอมสวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮ์ ﷻ องคเดียวด้วยการปฏิบัติตามหลักอิสลาม ๕ ประการคือ :
- ก – การกล่าวปฏิญาณว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ มุฮัมมัดร่อซูลุลลอฮ์ – ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์ มุฮัมมัดเป็นร่อซูลของอัลลอฮ์”
- ข – การดำรงละหมาดฟัรดู ๕ เวลา
- ค – การจ่ายซะกาต
- ง – การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
- จ – การประกอบพิธีฮัจญ์ สำหรับผู้ที่มีความสามารถ
ท่านนบี ﷺ ได้ตอบต่อญิบรีล เมื่อถามถึงอัล อิสลาม ท่านกล่าวว่า :
الإِسْلَامُ أَنْ تَشْهَدَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، وَتُقِيمَ الصَّلَاةَ، وَتُؤْتِيَ الزَّكَاةَ، وَتَصُومَ رَمَضَانَ، وَتَحُجَّ الْبَيْتَ إِنِ اسْتَطَعْتَ إِلَيْهِ سَبِيلًا
“อัล อิสลามคือ การที่ท่านกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง นอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัด ﷺ เป็นร่อซูลของอัลลอฮ์ ท่านดำรงละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ถ้าหากท่านมีความสามารถ”
คำถามที่ 7 
อีมานคืออะไร ? มีทั้งหมดกี่ประการ ? |
อีมานคือ การศรัทธามั่นภายในหัวใจ กล่าวยืนยันด้วยลิ้น และแสดงออกด้วยการปฏิบัติ มีทั้งหมด ๖ ประการ คือ :
- ก – การศรัทธาว่า อัลลอฮ์องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าที่แท้จริง
- ข – การศรัทธาต่อบรรดามะลาอิกะฮ์ของพระองค์
- ค – การศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์
- ง – การศรัทธาต่อบรรดาร่อซูลของพระองค์
- จ – การศรัทธาต่อวันอาคีเราะฮ์
- ฉ – การศรัทธาต่อการกำหนดสภาวะ (กอฎออ์ กอดัร)
เมื่อญิบรีลถามท่านนบี ﷺ ว่า อีมานคืออะไร ? ท่านกล่าวว่า :
أَنْ تُؤْمِنَ بِاللهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ وَالْيوْمِ الآخِرِ، وَتُؤْمِنَ بِالْقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ
“(คือ) การที่ท่านศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อบรรดามะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ต่อบรรดาร่อซูลของพระองค์ ต่อวันอาคีเราะฮ์ และท่านต้องศรัทธาต่อการกำหนดสภาวะ ทั้งความดีและความชั่ว”
อีมานมีเพิ่มมีลด อีมานจะเพิ่มขึ้นด้วยการภักดีปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์ ﷻ และร่อซูล ﷺ จะลดลงด้วยการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ ﷻ และฝ่าฝืนคำสั่งของร่อซูล ﷺ ขณะเดียวกันการกระทำต่างเกี่ยวข้องกับการศรัทธา ดังที่ท่านร่อซูล ﷻ กล่าวว่า :
الْإِيمَانُ بِضْعٌ وَسَبْعُونَ – أَوْ بِضْعٌ وَسِتُّونَ – شُعْبَةً , فَأَفْضَلُهَا قَوْلُ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ , وَأَدْنَاهَا إِمَاطَةُ الْأَذَى عَنْ الطَّرِيقِ , وَالْحَيَاءُ شُعْبَةٌ مِنْ الْإِيمَانِ
“อีมานมี ๗๐ หรือ ๖๐ กว่าแขนง ที่ประเสริฐที่สุดคือ คำพูด ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ ที่ต่ำสุดคือ การขจัดอันตรายออกจากหนทาง และความละอายเป็นแขนงหนึ่งจากการศรัทธา”
หะดีษมุตตะฟัก อลัยฮ์ จากอบี ฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ
ท่านสามารถสังเกตระดับการอีมานในตัวของท่านเองได้ ถ้าหากว่า ท่านมีความรู้สึกว่า มีความอยาก มีความมุ่งมั่น รู้สึกมีชีวิตชีวาในการทำความดี ปฏิบัติตามบัญญัติของอัลลอฮ์ แสดงว่า อีมานของท่านเพิ่มขึ้น แต่ถ้าหากว่า ท่านมีความรู้สึกเฉื่อยชา เหนื่อยหน่าย ท้อแท้ในการทำความดี แสดงว่า อีมานของท่านลดลง ด้วยความสำคัญของการทำความดี อัลลอฮ์ตรัสว่า :
وَأَقِمِ ٱلصَّلَوٰةَ طَرَفَىِ ٱلنَّهَارِ وَزُلَفًا مِّنَ ٱلَّيْلِ ۚ إِنَّ ٱلْحَسَنَٰتِ يُذْهِبْنَ ٱلسَّيِّـَٔاتِ ۚ ذَٰلِكَ ذِكْرَىٰ لِلذَّٰكِرِينَ
“และสูเจ้า(มุฮัมมัด) จงดำรงละหมาดในช่วงปลายทั้งสองของกลางวัน(ละหมาดศุบห์ฯและละหมาดอัศร์) และช่วงของกลางคืน(ละหมาดมักริบและละหมาดอิชาอ์) แท้จริง บรรดาความดีจะลบล้างความชั่ว นั่นคือ ข้อเตือนสติสำหรับบรรดาผู้รำลึก”
ซูเราะห์ฮูด / อายะห์ที่ : ๑๔๔
คำถามที่ 8 
มุสลิมจะยึดหลักอะกีดะฮ์หรือหลักอีมานจากที่ใด ? |
มุสลิมยึดหลักอะกีดะฮ์จากคัมภีร์อัล กุรอานและจากซุนนะฮ์ที่ถูกต้อง พระองค์อัลลอฮ์ ﷻ ตรัสว่า :
وَمَا يَنْطِقُ عَنِ الْهَوَى * إِنْ هُوَ إِلَّا وَحْيٌ يُوحَى
“และเขา(นบี)มิได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ มันมิใช่อื่นใด นอกจากวะฮีย์ที่ถูกประทานมา”
ซูเราะห์อันนัจม์ / อายะห์ที่ : ๓-๔
ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮ์ที่บรรดาศ่อฮาบะฮ์ และชาวสลัฟซอและห์ (ชนรุ่นก่อนที่ดี) ยึดถือปฏิบัติ
คำถามที่ 9 
อิห์ซานคืออะไร ? |
อิห์ซาน คือ การตระหนักว่าอัลลอฮ์ทรงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจและทรงเห็นการปฏิบัติอิบาดะฮ์ของบรรดาปวงบ่าวและการกระทำของพวกเขาในทุกอิริยาบท ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น ดังที่พระองค์ตรัสว่า :
الَّذِي يَرَاكَ حِينَ تَقُومُ وَتَقَلُّبَكَ فِي السَّاجِدِينَ
“พระองค์ผู้ทรงเห็นเจ้าขณะที่เจ้ายืนอยู่ และการเคลื่อนไหวของเจ้าในหมู่ผู้สุญูด”
ซูเราะห์อัชชุอะรออ์ / อายะห์ที่ : ๒๑๘ – ๒๑๙
พระองค์ตรัสว่า :
وَهُوَ مَعَكُمْ أَيْنَ مَا كُنْتُمْ
“และพระองค์อยู่กับพวกสูเจ้า ไม่ว่าพวกสูเจ้าอยู่ ณ ที่ใด”
ซูเราะห์อัลหะดีด / อายะห์ที่ : ๔
ท่านร่อซูล ﷺ กล่าวถึงอัล อิห์ซาน ว่า :
أنْ تَعْبُدَ اللهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ، فَإِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ
“(อิหซานคือ) การที่ท่านเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ประหนึ่งว่า ท่านเห็นพระองค์ ถ้าหากว่า ท่านไม่เห็นพระองค์ แท้จริง พระองค์ทรงเห็นท่าน”
บันทึกโดย มุสลิม
หลักอิห์ซานอยู่ในระดับสูงสุด เพราะบุคคลมีความตระหนักมั่นอยู่กับอัลลอฮ์ในทุกอิริยาบท ทั้งในภาวะที่เขามีความศรัทธาและเมื่อเขาปฏิบัติ ซึ่งอิห์ซานจะทำหน้าที่กำกับ
คำถามที่ 10 
“ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ – ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์” หมายความว่า อย่างไร ? |
ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ หมายถึง การปฏิเสธที่จะเชื่อมั่นว่ามีพระเจ้าอื่นนอกจากอัลลอฮ์ และปฏิเสธที่จะเคารพภักดีต่อมันเหล่านั้นอื่นจากอัลลอฮ์ โดยเชื่อมั่นอย่างแน่นแฟ้นว่า อัลลอฮ์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวที่ได้รับการเคารพภักดี
คำถามที่ 11 
ผู้ใดคือ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มชนซึ่งได้รับความปลอดภัยในวันกิยามะฮ์ ? |
นบีมุฮัมมัด ﷺ กล่าวว่า :
افترقت اليهود على إحدى وسبعين فرقة، وافترقت النصارى على اثنتين وسبعين فرقة، وستفترق هذه الأمة على ثلاث وسبعين فرقة كلها في النار إلا واحدة، قيل: من هي يا رسول الله؟ قال: من كان على مثل ما أنا عليه وأصحابي. وفي بعض الروايات: هي الجماعة.
رواه أبو داود والترمذي وابن ماجه والحاكم، وقال: صحيح على شرط مسلم.
“ชาวยิวแตกออกเป็น ๗๑ กลุ่ม ชาวคริสเตียนแตกออกเป็น ๗๒ กลุ่ม และประชาชาตินี้ (ประชาชาตินบีมุฮัมมัด ศ็อล) จะแตกออกเป็น ๗๓ กลุ่ม ทั้งหมดอยู่ในนรก นอกจากกลุ่มเดียว มีกล่าวว่า “กลุ่มใดเล่า โอ้ ร่อซูลัลลอฮ์ ?” ท่านร่อซูล ﷺ กล่าวว่า “ผู้ที่ดำรงอยู่เหมือนกับที่ฉันและบรรดาศ่อฮาบะฮ์ของฉันดำรงอยู่” ในบางรายงานว่า “คือ หมู่คณะ” บันทึกโดย อบู ดาวูด อัตติรมิซีย์ อิบนุมาญะฮ์ และอัล ฮากิม และกล่าวว่า
หะดีษถูกต้องตามเงื่อนไขของมุสลิม
สิ่งที่เป็นสัจธรรมคือ สิ่งที่นบีมุฮัมมัด ﷺ และบรรดาศ่อฮาบะฮ์ของท่านดำรงอยู่ ถ้าหากว่า ท่านทั้งหลายต้องการจะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับความปลอดภัยในวันกิยามะฮ์ ก็จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามท่านนบีและบรรดาศ่อฮาบะฮ์ และจงระวังการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในศาสนา เพราะจะนำไปสู่การหลงผิด.
คำถามที่ 12 
อัลลอฮ์ ﷻ ทรงอยู่กับเราหรือไม่ ? |
ใช่ อัลลอฮ์ ﷻ ทรงอยู่กับเราด้วยการรอบรู้และการตระหนักของพระองค์ และการปกป้องคุ้มครองของพระองค์ ส่วนซาต(องค์)ของพระองค์ พระองค์ทรงสูงสู่งอยู่เหนือบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลาย พระองค์ทรงตระหนักยังทุกสิ่ง แต่ทุกสิ่งหยั่งไม่ถึงพระองค์ พระองค์ตรัสว่า :
لَّا تُدْرِكُهُ ٱلْأَبْصَٰرُ وَهُوَ يُدْرِكُ ٱلْأَبْصَٰرَ ۖ وَهُوَ ٱللَّطِيفُ ٱلْخَبِيرُ
“สายตาทั้งหลายหยั่งไม่ถึงพระองค์และพระองค์ทรงหยั่งถึงสายตาทั้งหลาย และพระองค์เป็นผู้ทรงสุภาพ ผู้ทรงรอบรู้”
ซูเราะห์อัล อาม / อายะห์ที่ : ๑๐๓
คำถามที่ 13 
เราจะเห็นอัลลอฮ์ ﷻด้วยสายตาของเราหรือไม่ ? |
ชาวอะฮ์ลุซซุนนะฮ์มีความเห็นว่า มนุษย์ไม่สามารถเห็นอัลลอฮ์ได้ในโลกดุนยา และบรรดามุมินผู้ศรัทธาจะเห็นอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์และในสวรรค์ พระองค์ตรัสว่า :
وُجُوهٌ يَوْمَئِذٍ نَاضِرَةٌ * إِلَى رَبِّهَا نَاظِرَةٌ
“ในวันนั้น(วันกิยามะฮ์) ใบหน้าทั้งหลายมีความอิ่มเอิบ มองไปยังพระผู้เป็นเจ้าของมัน”
ซูเราะห์อัล กิยามะฮ์ / อายะห์ที่ : ๒๒ – ๒๓
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธจะไม่เห็นอัลลอฮ์ ﷻในวันกิยามะฮ์ พระองค์ตรัสว่า
كَلاَّ إِنَّهُمْ عَنْ رَبِّهِمْ يَوْمَئِذٍ لَمَحْجُوبُونَ
“หามิได้ แท้จริง ในวันนั้น(วันกิยามะฮ์) พวกเขาจะถูกปกปิดจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา”
ซูเราะห์อัล มุฏฏอฟฟิฟีน / อายะห์ที่ : ๑๕
คำถามที่ 14 
พระองค์อัลลอฮ์ ﷻ ทรงมีพระนามที่ดีงามและมีคุณลักษณะที่สูงส่งหรือไม่ ? |
พระองค์อัลลอฮ์ ﷻ ทรงมีพระนามที่ดีงามและมีคุณลักษณะที่สูงส่ง พระองค์ตรัสว่า :
هُوَ ٱللَّهُ ٱلْخَٰلِقُ ٱلْبَارِئُ ٱلْمُصَوِّرُ ۖ لَهُ ٱلْأَسْمَآءُ ٱلْحُسْنَىٰ ۚ
“พระองค์คือ อัลลอฮ์ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงบังเกิด ผู้ทรงเนรมิตร สำหรับพระองค์ทรงมีพระนามที่ดีงาม”
อัล ฮัชร์ / ๒๔
จากอบี ฮุรอยเราะฮ์รฎิฯ ว่า ท่านร่อซูลุลอฮ์ ﷺ กล่าวว่า :
إِنَّ لِلَّهِ تِسْعَةً وَتِسْعِينَ اسْمًا مِائَةً إِلا وَاحِدًا مَنْ أَحْصَاهَا دَخَلَ الْجَنَّةَ
“แท้จริง สำหรับอัลลอฮ์มี ๙๙ พระนาม ๑๐๐ นอกจาก ๑ ผู้ใดที่นับมันเขาจะได้เข้าสวรรค์”
บันทึกโดย อัล บุคอรีย์และมุสลิม
นักวิชาการมีความเห็นว่า นอกจากพระนามของอัลลอฮ์ที่ปรากฏในหะดีษนี้ ยังมีรายงานอื่นๆ และในคัมภีร์อัล กุรอาน พระนามของอัลลอฮ์มีมาก ไม่จำกัดเพียง ๙๙ พระนามเท่านั้น
การนับพระนามของอัลลอฮ์ ﷻ อยู่ในหลัก ๓ ประการ คือ :
- ก – การกล่าวออกมาเป็นคำพูดและจำนวนของมัน
- ข – มีความเข้าใจในความหมาย เป้าหมาย และศรัทธาในพระนามนั้น เช่นกล่าวว่า الْحَكِيمُ (อัล หะกีม) แปลว่า ผู้ทรงปรีชาญาณ หมายถึง การมอบทุกกิจการยังอัลลอฮ์ เพราะทุกสิ่งเป็นไปตามความปรีชาญาณของพระองค์
- ค – การวิงวอนขอดุอาอ์ด้วยพระนามของพระองค์ เช่นกล่าวว่า
“ยา ซิตตีร อุสตุรนี ياستير استرني – โอ้ ผู้ปกปิด (ข้อบกพร่อง) ได้โปรดปกปิด (ข้อบกพร่องของ)ฉัน” หรือกล่าวว่า “ยา กะรีม อักริมนี يا كريم أكرمني – โอ้ ผู้ทรงเกียรติ ได้โปรดให้เกียรติแก่ฉัน”
พระนามและคุณลักษณะของพระองค์อัลลอฮฺ ﷻ
اللهُ อัลลอฮ์ |
พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงได้รับการเคารพภักดีแสดงการนอบน้อม การรุกัวะอ์ การสุญูด และการปฏิบัติทุกอิบาดะฮ์ต่อพระองค์.
الرَّحْمَنُ อัร-เราะห์มาน |
ผู้ทรงเมตตาอย่างกว้างขวาง ความเมตตาของพระองค์ ครอบคลุมทุกสิ่ง พระนามนี้เป็นพระนามเฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้เรียกสิ่งอื่นนอกจากพระองค์.
الرَّحِيمُ อัร-เราะฮีม |
พระองค์เป็นผู้ทรงปรานี ผู้ทรงอภัยโทษให้แก่บรรดามุมินทั้งในโลกดุนยาและโลกอาคีเราะฮ์ พระองค์ทรงนำทางพวกเขาในการปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ พระองค์ทรงให้เกียรติพวกเขา ในโลกอาคีเราะฮ์ โดยพำนักอยู่ในสวรรค์ของพระองค์.
العفو อัล-อัฟว์ |
พระองค์ทรงลบล้างความผิดและทรงยกโทษ และไม่ทรงลงโทษในความผิดทั้งๆ ที่ผู้เป็นบ่าวสมควรจะได้รับการลงโทษ
ٱلْغَفُوْر อัล-ฆ่อฟูร |
ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงปกปิดความผิดของผู้กระทำ ไม่ทรงเปิดเผย และไม่ทรงลงโทษเขา
الْغَفَّارُ อัล-ฆ้อฟฟาร |
พระทรงอภัยโทษอย่างมากมายให้แก่บรรดาบ่าวของพระองค์ ผู้ทำความผิดและได้ขออภัยโทษ
الرَّؤُوف อัร-ร่ออูฟ |
ผู้ทรงเอ็นดูจากความเอ็นดูมากกว่าความมตตา ซึ่งครอบคลุมสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมดในโลกดุนยา และผู้ถูกสร้างบางส่วนในโลกอาคีเราะฮ์ซึ่งได้แก่บรรดาผู้ศรัทธาผู้เป็นที่รักของพระองค์
الحَلِيْم อัล-หะลีม |
ผู้ทรงอ่อนโยน พระองค์ไม่ทรงรีบด่วนในการลงโทษบ่าวของพระองค์ซึ่งอยู่ในอำนาจของพระองค์ที่จะลงโทษพวกเขาได้ แต่ทว่า พระองค์ทรงเอื้อเฟื้อแก่พวกเขา และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา เมื่อพวกเขาขออภัยโทษ
التَّوَّابُ อัต-เตาวาบ |
ผู้ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากบรรดาบ่าวของพระองค์ และทรงรับการกลับตัวของพวกเขา
الستار อัส-สัตตาร |
ผู้ทรงปกปิดให้แก่บ่าว โดยไม่ประจานระหว่างบรรดามนุษย์ ทรงปกปิดส่วนพึงละอายของพวกเขา
ٱلْغَنِىُّ อัล-ฆ่อนีย์ |
ผู้ทรงมั่งคั่ง ไม่ทรงพึ่งพิงบ่าวของพระองค์ เนื่องจากความเพรียบพร้อมของพระองค์และในคุณลักษณะของพระองค์ ทุกสิ่งต้องพึ่งพิงพระองค์ เนื่องด้วยความกรุณาและการช่วยเหลือของ พระองค์
الكَرِيْم อัล-กะรีม |
ผู้ทรงเกียรติ ทรงประทานความดีอย่างมากมายตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ด้วยวิธีที่พระองค์ทรงประสงค์ในสิ่งขอและสิ่งที่ไม่ขอ ทรงอภัยในความผิด และทรงปกปิดข้อบกพร่องของปวงบ่าว
الإِكْرَام อัล-อิกรอม |
ผู้ทรงเกริกไกร ทรงเกียรติสูงสุด ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม ความดีทั้งหมดมาจากพระองค์ ทรงตอบแทนแก่บรรดาผู้ศรัทธาด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ทรงประวิงการตอบแทนแก่ผู้ผินหลังให้พระองค์ และทรงสอบสวนด้วยความยุติธรรมของพระองค์
الْوَهَّاب อัล-วะฮ์ฮาบ |
ผู้ทรงประทานอย่างมากมาย โดยไม่ต้องการสิ่งทดแทน ทรงให้โดยไม่ต้องทรงกำหนด และทรงกรุณาโดยไม่ต้องขอ
الجَوَادُ อัล-ญะวาด |
ผู้ทรงประทานอย่างมากมาย โดยไม่ต้องการสิ่งทดแทน ทรงให้โดยไม่ต้องทรงกำหนด และทรงกรุณาโดยไม่ต้องขอ
الْوَدُودُ อัล-วะดูด |
ผู้ทรงรักต่อบรรดาผู้จงรักภักดีพระองค์ ทรงปรารถนาการอภัยโทษจากพระองค์ และความกรุณาแก่พวกเขา พระองค์ทรงพอพระทัยพวกเขา ทรงรับการงานของพวกเขา ทรงทำให้พวกเขาเป็นผู้แทนในแผ่นดิน
المُعْطِي อัล-มัวะอ์ฏีย์ |
ผู้ทรงให้แก่บรรดาบ่าวที่พระองค์ทรงประสงค์จากขุมทรัพย์ของพระองค์ บรรดาผู้จงรักภักดีต่อพระองค์จะได้รับส่วนการ ประทานอันมากมาย พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานทุกสิ่งแก่ปวงบ่าว
الْوَاسِع อัล-วาสิอ์ |
ผู้ทรงแผ่ไพบูลย์ ไม่มีผู้ใดสามารถนับจำนวนการสรรเสริญพระองค์ได้ ความยิ่งใหญ่ อำนาจ การอภัย ความเมตตา ความระเสริฐ และความดีงามของพระองค์แผ่กว้าง
المُحْسِن อัล-มัวะห์ซิน |
ผู้ทรงความดี อันเป็นความดีที่สมบูรณ์ในตัวพระองค์เอง ในพระนามของพระองค์ ในคุณลักษณะของพระองค์ ในการกระทำของพระองค์ พระองค์ทรงความดีต่อทุกสิ่งในการสร้างสรรค์ของพระองค์
الرَّازِق อัร-รอซิก |
ผู้ทรงให้เครื่องยังชีพ ทรงประทานริซกี(เครื่องยังชีพ)แก่สรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์ทรงประกันริซกีให้แก่ทุกคน แม้จะเพียง ขณะหนึ่งก็ตาม
الرَّزَّاقُ อัร-ร้อซซาก |
ผู้ทรงประทานริซกีอย่างมากมาย แก่ปวงบ่าวของพระองค์ พระองค์ทรงประทานเครื่องยังชีพแก่พวกเขาก่อนที่พวกเขาจะขอ พระองค์ประทานแก่พวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะฝ่าฝืน คำสั่งของพระองค์
اللَّطِيْف อัล-ละฏีฟ |
ผู้ทรงสุภาพ ผู้ทรงรู้ถึงรายละเอียดของทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดปิดบังความรู้ของพระองค์ ทรงนำความดีและประโยชน์ยังปวงบ่าว โดยไม่เปิดเผยและไม่สามารถนับคำนวณได้
الْخَبِيْر อัล-ค่อบีร |
ผู้รู้ยิ่ง ทรงตระหนักในทุกสิ่ง ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น
الْفَتَّاح อัล-ฟัตตาห์ |
ผู้ทรงเปิดกว้าง จากขุมทรัพย์ ความเมตตา และเครื่องยังชีพขององค์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ด้วยการกำหนดและความรู้ ของพระองค์
الْعَلِيْم อัล-อะลีม |
ผู้ทรงรู้ยิ่ง ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่มีสิ่งใดปิดบังจากความรู้ของพระองค์