
ปัญหาเรื่องความดี – ความชั่วมาจากไหนนี้ ได้มีการถกเถียงกันมาก บางคนเข้าใจว่าความดีหรือความชั่วทุกอย่างทุกประการมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น มนุษย์จะเคลื่อนไหว จะประกอบกิจการ แม้จะเปิปข้าวเข้าปาก ก็ว่าเป็นความใคร่มาจากพระเจ้า ไปตีหัวเขา ไปลักขโมยเขา ไปปล้น ก็โยนไปให้กับพระเจ้า
บางคนก็ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการกระทำของมนุษย์ มาจากความเก่งกาจสามารถของมนุษย์ทั้งสิ้น พระเจ้าไม่มีส่วนรับรู้เกี่ยวข้องด้วย คนยากจนที่ร่ำรวยขึ้นก็ว่าความร่ำรวยนั้นเนื่องมาจากความอุตส่าห์ ความขยันขันแข็ง ความสามารถของเขา คนยากจนที่จมอยู่ในความยากจน ก็ว่าเนื่องจากความเกียจคร้านของเขา ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงก็ได้มีปรากฏเป็นประจักษ์พยานให้เห็นอยู่มากหลาย เช่น
บางคนได้ทุ่มเทออกกำลังกาย กำลังปัญญา พากเพียรพยายาม ประกอบการงานต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความกว้างขวาง ความร่ำรวย แต่ก็หาสามารถที่จะดิ้นให้หลุดพ้นจากความยากจน ความขาดแคลนไปได้
บางคนประกอบการงานไปตามปกติ โดยมิได้มุ่งหวังในอันที่จะให้โลดโผนอย่างไร แต่บุญมาวาสนาช่วยเขาก้าวพรวดๆ ขึ้นไปสู่ฐานะอันมั่นคงได้ บางคนใช้เพียงลิ้นอันเป็นอวัยวะชิ้นเล็กๆ ตลบตะแลงอย่างนั้นอย่างนี้ ก็สามารกลายเป็นราชาอยู่บนกองเงินกองทองได้อย่างประหลาด
บางคนมีทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากมาย นำมาลงทุนทำการค้าตามที่เห็นควร แต่เมื่อค้าไปขายมาในที่สุดทรัพย์สินจำนวนมากมายนั้นวอดวายเสียหายจนหมดเนื้อหมดตัว
มหาเศรษฐีบางคน ไม่สามารถที่จะรักษาความเป็นมหาเศรษฐีได้ตลอดชีวิต ต้องประสบกับมรสุมร้ายต่างๆ นานาจนกลายเป็นสภาพยาจก ประสบกับความทุกข์ยากจนกว่าจะตายไป
บางคนไม่มีทุนรอนอะไร ทำมาหากินไม่เป็นล่ำเป็นสัน แต่ก็มีกินมีใช้ปกติ มีความสุขความสบายตามควรแก่ฐานะ
นายแพทย์ชั้นสูงๆบางคน ผอมกะหร่อง ร่างกายมีแต่หนังหุ้มกระดูก บางคนก็อ้วนอืดอาดเคลื่อนไหวไม่ได้คล่องแคล่ว ที่แน่นอนที่สุดนายแพทย์ทุกคนทั้งชั้นสูงชั้นกลางชั้นต่ำ ไม่มีใครสามารถหลีกพ้นความเจ็บป่วยไปได้
ความดี – ความชั่วเหล่านี้มาจากไหนกันแน่?
ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระเจ้า ก็เหตุไรพระองค์จึงให้มีทั้งคนดีและคนชั่ว แล้วก็เอามนุษย์ที่ชั่วใส่นรก และเอามนุษย์ที่ดีขึ้นไว้บนสวรรค์มิเป็นการไม่ยุติธรรมไปหรือ?
ถ้าความดี – ความชั่ว มากจากกำลังและความสามารถของมนุษย์จริงแล้วไซร้ ใครบ้างไม่อยากเป็นมหาเศรษฐี ใครบ้างที่ไม่ต้องการเป็นกษัตริย์? (ใครบ้างที่ไม่ปรารถนาจะเป็นนายกรัฐมนตรี) ใครบ้างที่ไม่ประสงค์จะเป็นเจ้าใหญ่นายโตหรือคนสำคัญ? แต่เหตุไฉนในโลกถึงมีทั้งคนรวย คนจน คนดีและคนชั่ว คนชั้นต่ำและคนชั้นสูง?
ความจริงเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหายุ่งยากอย่างใดเลย ถ้าได้พยายามเข้าให้ถึงแก่น ศึกษาให้ลึกซึ้ง ก็จักได้พบความจริงอย่างกระจ่างแจ้ง เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้บอกไว้อย่างถี่ถ้วนทุกอย่างทุกประการแล้ว
قُل لَّن يُصِيبَنَا إِلاَّ مَا كَتَبَ اللَّهُ لَنَا
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดไว้แก่เราเท่านั้น”
ซูเราะห์อัตเตาว์บะห์ อายะห์ที่ : 51
قُلْ كُلٌّۭ مِّنْ عِندِ ٱللَّهِ ۖ
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ทุกอย่าง นั้นมาจากอัลลอฮฺทั้งสิ้น”
ซูเราะห์อันนิสาอฺ อายะห์ที่ 78
مَّآ أَصَابَكَ مِنْ حَسَنَةٍۢ فَمِنَ ٱللَّهِ ۖ وَمَآ أَصَابَكَ مِن سَيِّئَةٍۢ فَمِن نَّفْسِكَ ۚ
“และอันใดที่ได้ประสบแก่สูเจ้าซึ่งเป็นความดี อันนี้ก็มาจากอัลลอฮฺ และอันใดที่ได้ประสบแก่สูเจ้าซึ่งเป็นความชั่ว อันนั้นก็มาจากสูเจ้า”
ซูเราะห์อันนิสาอฺ อายะห์ที่ 79
มีผู้เข้าใจว่า อายะฮฺเหล่านี้มีความขัดกัน เพราะสองอายะฮฺแรกบอกว่า ทุกๆสิ่งมาจากพระเจ้า อายะฮฺหลังบอกว่าถ้าดีละก็มาจากพระเจ้า และถ้าเป็นความชั่วละก็มาจากตัวมนุษย์เอง
ถ้าเราฟังแต่ผิวเผิน ความจริงก็อาจจะเป็นอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่เมื่อได้พิจารณาและได้ศึกษาให้ซึ้งและถี่ถ้วนแล้ว ก็จะได้พบว่าความจริงมิใช่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า.-
สาเหตุที่ลงอายะฮฺที่หนึ่งนั้นมีดังนี้คือ ในจำนวนพวกผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา เชื่อฟังคำสั่งสอนของนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นมีบุคคลอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาปะปนอยู่ด้วย ชนพวกนี้เป็นเสมือนหนอนบ่อนไส้ ซึ่งนับว่าเป็นภัยร้ายแรงแก่การรวมกลุ่มผนึกกำลังของสังคมมุสลิมในยุคนั้น ท่าทาง การพูด ตลอดจนกิริยามารยาทและการแต่งกาย พวกนี้แสดงออกว่าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแก่กล้า แต่ภายในจิตใจของคนพวกนี้ไม่เลื่อมใสเลย พวกเขาเข้ามาเพื่อหวังจะทำลายการขยายตัวของมุสลิม มีเหตุร้ายหลายๆอย่างที่อุบัติขึ้น เพราะการกระทำของคนพวกนี้ คนพวกนี้คือมุนาฟิกีน
ในทุกๆครั้งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ประสบกับเหตุร้าย เช่น การล้มเหลวในการเผยแพร่ในบางครั้ง การป่วยไข้ และการถูกฝ่ายศัตรูข่มเหงรังแกทำร้าย บุคคลพวกนี้จะลิงโลดดีอกดีใจ ช่วยกันสาปแช่งให้พินาศไปเสียเลย และทุกครั้งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ประสบกับชัยชนะหรือผลสำเร็จ คือผู้เลื่อมใสศรัทธาเพิ่มเป็นจำนวนมากขึ้น พวกนี้ก็จะเคือดแค้นอาฆาตพยายามหาทางขัดขวางหรือทำลาย เออยู่ลับหลังก็จะคอยยุแย่ปลุกปั่นให้พวกนี้หัวแข็ง ดื้อดึง แข็งข้อ
พระเจ้าจึงได้แจ้งแก่ร่อซูลของพระองค์ ให้บอกแก่มนุษย์จำพวกหนอนบ่อนไส้เหล่านั้นว่า การป่วยไข้ก็ดี ความล้มเหลวก็ดี การถูกขัดขวาง ถูกข่มเหงรังแกก็ดี ตลอดจนสิ่งดีสิ่งชั่วต่างๆนานา ที่ได้ประสบแก่เรานั้น เป็นกอดั๊รที่พระเจ้าได้กำหนดแก่เราแล้ว เรายินดีรับโดยเต็มใจ เราจะไม่หวาดหวั่นท้อถอยเลยแม้แต่น้อย
สาเหตุของการลงอายะฮฺที่สองนั้นมีดังนี้ :
เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อพยพจากพระมหานครไปอยู่ยังพระนครอัลมะดีนะฮฺนั้น บังเอิญในปีนั้นเกดฝนแล้งขึ้น ประชาชนประสบกับความเดือดร้อน การทำไร่ทำนาไม่ได้ผล พวกมุนาฟิกกับพวกยะฮูดี จึงถือโอกาสเป่าข่าวให้ร้ายท่านนบีว่า “ที่พวกเราต้องประสบกับความทุกข์ยากเช่นนี้ ก็เพราะมุฮัมมัดเป็นต้นเหตุ ที่นำความแห้งแล้งมาสู่บ้านเมืองของเรา” แล้วก็ช่วยกันปลุกปั่นประชาชนให้เกลียดชังท่านนบีเพื่อจะได้ช่วยกันขับไล่ออกไปเสียให้พ้น
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้สั่งแก่ร่อซูลของพระองค์ให้บอกแก่พวกนั้นว่า “ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาจากอัลลอฮฺ” มนุษย์ไม่มีอำนาจที่จะดลบันดาลให้มีขึ้นได้ซึ่งการปรวนแปรของธรรมชาติ เป็นกอดัรประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่เหนืออำนาจใดๆที่จะแก้ไขหรือป้องกัน
ส่วนอายะฮฺที่สาม พระเจ้าเปิดโอกาสให้มนุษย์เลือกใช้ เลือกรับประทาน และเลือกประพฤติปฏิบัติได้ตามความประสงค์โดยอิสรเสรี กล่าวคือ สิ่งดี สิ่งชั่ว ความดี ความชั่ว สิ่งถูก สิ่งผิด ความถูกและความผิด พระเจ้าให้มีอยู่ในพิภพนี้อย่างพร้อมมูลแล้ว พระองค์ก็ให้มนุษย์เกิดขึ้นมาพร้อมด้วยการมีสติปัญญา ความคิดและความรู้สึก ซึ่งเปรียบเสมือนดวงประทีปสำหรับขจัดความมืด ซึ่งช่วยให้มนุษย์สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างและพร้อมกับการมีสติปัญญา ในตัวมนุษย์ยังมีความรู้สึกอีกสองอย่างคือความรู้สึกฝ่ายสูงกับความรู้สึกฝ่ายต่ำ แต่ส่วนมากความรู้สึกฝ่ายต่ำมีอำนาจเหนือความรู้สึกฝ่ายสูง
ดังนั้น ด้วยความกรุณาของพระเจ้าซึ่งมีต่อมนุษย์ผู้เป็นข้าของพระองค์ จึงได้ทรงคัดเลือกมนุษย์ แล้วแต่งตั้งให้เป็นทูตหนึ่งในศาสนาอิสลามเรียกว่า “ร่อซูล” ให้นำโองการของพระองค์มาซึ่งแจงสิ่งดีสิ่งชั่ว และทางถูกทางผิด ชี้แจงแนะนำสั่งสอนให้มนุษย์เลือกกินเลือกใช้ และเลือกประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ให้ชีวิตอยู่ในทางที่ถูกที่ตรง ห้ามปราบมนุษย์มิให้เข้าใกล้สิ่งที่เสียหาย สิ่งที่ชั่ว มิให้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ผิด
ดังนั้น เมื่อใครยอมรับฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งสอนแนะนำของท่านร่อซูล ก็เรียกว่า “พฤติการณ์นั้นๆ มาจากพระเจ้า” แต่ถ้าผู้ใดดื้อดึงฝ่าฝืนไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านร่อซูล ก็นับว่า “พฤติการณ์นั้นๆ มาจากตัวของเขาเอง”
(บุตรมาขอสตางค์จากบิดาเพื่อไปซื้อขนมที่ตลาด บิดาให้สตางค์ไปพร้อมกับสั่งว่า ให้เลือกซื้อของที่ดีที่สะอาดมากิน แต่บุตรไม่เชื่อฟังคำสั่งของบิดา เมื่อได้สตางค์แล้วก็ไปเล่นการพนัน จนกระทั่งถูกตำรวจจับ ความผิดครั้งนี้จะเรียกว่าเป็นความผิดของบิดาไม่ได้เป็นอันขาด เป็นความผิดที่เด็กดื้อรั้นเลือกประพฤติความเห็นชอบของตนเองฉันใด ความหมายอายะฮฺนี้ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน)
พระเจ้าทรงไว้ซึ่งความเมตตาปราณีต่อบรรดาข้าของพระองค์อยู่เสมอเป็นนิจ แม้ผู้ที่ดื้อดันฝ่าฝืนประกอบกรรมความชั่วไป แล้วกลับสำนึกผิด กลับเข้าหาพระองค์ ขอลุแก่โทษต่อพระองค์ ก็ย่อจะได้รับการอภัย
เมื่อเราเดินไปข้างไหน ท่ามกลางความมืด แล้วก็ไปเตะก้อนหิน ก้อนอิฐหรือลำร่อง ตกบ่อเข้าจะว่าเป็นความผิดของใคร เป็นความผิดของก้อนหินก้อนอิฐ ลำร่องหรือบ่อ กระนั้นหรือ?
สัญชาตญาณนของมนุษย์ได้สร้างกฎเกณฑ์ไว้แล้วว่า ถ้าจะเข้าไปในที่มืด เพื่อความปลอดก็ให้นำแสงสว่างไปด้วย ที่เราต้องพลาดพลั้งลงไปเช่นนั้น ก็เนื่องมาจากเราฝืนกฎธรรมดาซึ่งเป็นความผิดเนื่องจากตัวเรา
مَّنْ عَمِلَ صَـٰلِحًۭا فَلِنَفْسِهِۦ ۖ وَمَنْ أَسَآءَ فَعَلَيْهَا ۗ وَمَا رَبُّكَ بِظَلَّـٰمٍۢ لِّلْعَبِيدِ
“ผู้ใดประกอบกรรมดี(ผลแห่งความดีนั้น) ก็ได้แก่ตัวเขา และผู้ใดประกอบกรรมชั่ว(ผลแห่งความชั่วนั้น) ก็จะให้โทษแก่เขา และผู้อภิบาลของสูเจ้า มิใช่เป็นผู้ข่มเหงรังแกต่อบรรดาข้าของพระองค์”
ซูเราะห์ฟุซซิลัต อายะห์ที่ : 46
เกี่ยวกับเรื่องดี-ชั่ว มาจากไหน?นี้ มีอัลกุรอานบางอายะฮ์ ถ้าอ่านแต่เพียงเผินๆแล้ว อาจจะเกิดความสงสัยเข้าใจผิดว่า คำของพระเจ้าค้านละหักล้างกันเอง ข้าพเจ้าจึงขอนำมาอธิบายให้กระจ่างแจ้ง ต่อไป
وَمَا تَشَآءُونَ إِلَّآ أَن يَشَآءَ ٱللَّهُ ۚ
“และสูเจ้าทั้งหลายจะไม่ปรารถนา นอกจากอัลลอฮฺจะปรารถนา”
ซูเราะห์อัลอินซาน อายะห์ที่ : 30
ถ้าฟังหรือแค่เพียงเผินๆ แล้วก็จะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น มนุษย์เป็นแต่เพียงหุ่นที่พระเจ้าเชิด จะกิน จะนอน จะนั่ง จะยืน เป็นงานของพระเจ้าทั้งสิ้น การประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่ว ก็มาจากความปรารถนาของพระเจ้า
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เจตนารมณ์ของอายะห์นี้มีดังนี้ พระเจ้าได้แยกหน้าที่ไว้สองอย่าง หน้าที่ของมนุษย์คือ “การทำ” หน้าที่ของพระเจ้าคือ “การให้”
มนุษย์มีหน้าที่แต่เฉพาะ “ทำ” อย่างเดียว ส่วนความสำเร็จนั้นอยู่ในอำนาจของพระเจ้า อาทิ เช่น :
ผู้ทรงอำนาจคุณนางมุ่งมาดปรารถนาที่จะครองความยิ่งใหญ่ไว้ตลอดกาล ได้พากเพียรพยายามทุ่มเท พยายามวางทุกวิถีทางที่จะธำรงอำนาจของตนไว้ให้มั่นคง แต่แล้วในที่สุดก็ต้องเส้นบุญสูญวาสนาไปตาม ๆ กัน
คู่พิพาททั้งสองฝ่ายต่างก็มุ่งหวังที่จะกำชัยไว้ แต่แล้วภาวะการแพ้ชนะก็อุบัติขึ้นหรือไม่ก็ต้องประสบกับความวิบัติด้วยกันทั้งสองฝ่าย
บางครั้งเราประกอบการงานอย่างหนึ่งอย่างใด โดยมองทะลุปรุโปร่งตลอดแล้วว่าต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน แต่แล้วก็ต้องประสบกับความล้มเหลว
บางครั้งคนที่ร่ำรวยหรือผู้ส่งอำนาจยิ่งใหญ่ปรารถนาที่จะทำลายคู่อาฆาตตนที่ต่ำกว่า ไร้เงินทองและอำนาจวาสนาได้พยายามแล้วทุวิถีทางแต่ก็ไม่สำเร็จ
ในวิถีชีวิตของมนุษย์ทุกคนต้องประสบกับความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถหลบหนีให้พ้นจากความผิดหวังไปได้
มนุษย์คนใดที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ มีความประพฤติปฏิบัติเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงปกปักรักษาเขาให้พ้นจากความเสื่อมเสีย อันใดที่เป็นความดีงามที่เขาปรารถนา พระองค์ก็จะทรงประทานผลสำเร็จให้ อันใดที่เป็นความเสื่อมเสียซึ่งเขามุ่งหมาย พระองค์ก็จะทรงปิดทางแห่งความสำเร็จเสีย
ส่วนคนที่อกตัญญูต่อพระเจ้านั้น เมื่อเขามุ่งมาดปรารถนาจะประกอบกรรมทำชั่ว พระองค์ก็จะทรงเปิดทางความสำเร็จให้ตามที่เขาต้องการ
وَعَسَىٰٓ أَن تَكْرَهُوا۟ شَيْـًۭٔا وَهُوَ خَيْرٌۭ لَّكُمْ ۖ وَعَسَىٰٓ أَن تُحِبُّوا۟ شَيْـًۭٔا وَهُوَ شَرٌّۭ لَّكُمْ ۗ
“และหวังว่าสูเจ้าทั้งหลายจะเกลียดสิ่งหนึ่งและสิ่งนั้นเป็นคุณประโยชน์แก่สูเจ้า และหวังว่าสูเจ้าทั้งหลายชอบสิ่งหนึ่งและสิ่งนั้นเป็นภัยแก่สูเจ้า”
ซูเราะห์อัลบะเกาะเราะห์ อายะห์ที่ : 216
เมื่อยามป่วยไข้ กินยาที่มีรสทั้งขมและทั้งขื่นแต่เราก็ต้องแข็งใจกิน เพราะยานั้นให้ผลดีภายหลัง เราชอบเล่นการพนันหรือดื่มเหล้าทั้งๆที่การพนันและเหล้าให้ผลร้ายภายหลังอย่างมหาศาล ดังตัวอย่างที่มีอยู่ทั่วๆไป
เจตนารมณ์ของอายะห์แรก พระเจ้าได้บอกให้รู้ว่า ผู้ที่อกตัญญูดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนบอกเล่าของพระองค์นั้นอยู่นอกวงความกรุณาเมตตาของพระองค์ ไม่ว่าเขาจะประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วพระองค์ก็จะเปิดทางแห่งความสำเร็จให้แก่เขา
ส่วนข้าของพระองค์ที่มีความเกรงกลัว จงรักภักดีต่อพระองค์นั้น เขาอยู่ในความอารักขาอยู่ในความเมตตาปรานีของพระเจ้าเสมอ ในบางครั้งเขาอาจจะพลั้งเผลอนึกจะประกอบกรรมทำผิดขึ้นมาบ้าง พระองค์ก็จะปิดทางแห่งความสำเร็จเสีย
ส่วนอายะห์หลังนั้นพระเจ้าได้ทรงแจ้งให้เรารู้ว่าสำหรับสติปัญญาของมนุษย์นั้นเอาแน่อะไรไม่ได้นัก บางครั้งก็อาจจะผิด บางครั้งก็อาจจะถูก ดังนั้นผู้ที่รู้จักและเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นอย่างดี เขาย่อมนอบน้อม ผูกพันติดตอกกับพระองค์ ขอความคุ้มครองป้องกันจากพระองค์อยู่เสมอ
สรุป
1. ความดีและความชั่วกับสิ่งดีและสิ่งชั่ว พระเจ้าได้ให้มีอยู่ในโลกอย่างพร้อมมูล และพระองค์ก็ได้เนรมิตมนุษย์ขึ้นมาพร้อมด้วยสติปัญญา และยังแถมให้คนมาสั่งสอนแนะนำอีก ดังนั้นการประกอบกรรมทำชั่วจึงเป็นการเลือกของมนุษย์และการประกอบคุณงามความดีจึงเรียกว่ามาจากพระเจ้า เพราะเป็นการกระทำที่พระองค์สั่ง
2. พูดที่กตัญญูกตเวที มีจิตใจจงรักภักดี ยังอยู่ในความอารักขาของพระองค์เสมอ