
มีรายงานจากอบีซัรริน ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า : สหายของฉัน (หมายถึงท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้สั่งเสียให้ฉันปฏิบัติ 7 ประการ คือ :
1- กำชับให้ฉันรักบรรดามิสกีนและให้ใกล้ชิดกับพวกเขา
2- กำชับให้ฉันมองคนที่ต่ำกว่าและอย่ามองผู้ที่มีฐานะสูงกว่า
3- กำชับให้ฉันติดต่อเครือญาติ แม้ว่าเขาจะตีตนออกห่าง
4- กำชับให้ฉันอย่าขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากผู้ใด
5- กำชับให้ฉันพูดแต่ความจริงแม้ว่ามันจะขมขื่นสักปานใดก็ตาม
6- กำชับให้ฉันยำเกรงกลัวการตำหนิจากผู้ใดในเรื่องของอัลลอฮฺ
7- กำชับให้ฉันพูดคำนี้ “ลาเฮาละวะลากูวะตะอิลลาบิลลาฮฺ” (ไม่มีพลังใดๆและไม่มีอำนาจใดๆนอกจากพลังของอัลลอฮฺ) ให้มากๆเพราะคำพูดดังกล่าวนี้นับเป็นขุมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้อะรัช (ของอัลลอฮฺ)
จากหะดิษบทนี้ท่านร่อซูลกำชับให้ท่านอบูซัรรินปฏิบัติดังต่อไปนี้ :
1. ให้รักและใกล้ชิดกับบรรดาคนยากจน (มิสกีน) ในสังคมมนุษย์ไม่ว่า ณ ที่ใด มักจะไม่ค่อยมีความเสมอภาค พวกหนึ่งอาจจะมีฐานะดี อีกพวกหนึ่งอาจมีฐานะยากจน แต่อิสลามนั้นมาเพื่อสร้างความเสมอภาคในฐานะที่เป็นมนุษย์ สำหรับเรื่องฐานะของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน บางคนอาจมีฐานะร่ำรวย บางคนมีฐานะยากจน และคนจนอาจมีฐานะร่ำรวยในซักวันหนึ่งก็ได้ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่อย่างแน่นอนคือความเป็นมนุษย์ดังนั้นการที่ท่านร่อซูลให้เรารักคนที่มีฐานะยากจนก็เพื่อเป็นการสร้างความเสมอภาคให้กับมนุษย์และเป็นการขจัดช่องว่างระหว่างบุคคลที่มีฐานะไม่เท่าเทียมกัน
คำว่า “มิสกีน” นั้นหมายถึงผู้ที่มีรายได้น้อยไม่พอค่าใช้จ่ายทั้งๆที่เขาอาจมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินบางอย่าง แต่ในขณะนั้นเขายากจน ดังตัวอย่างในซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ อัลลอฮฺตรัสว่า
“ส่วนเรือนนั้นเป็นของบรรดามิสกีนทั้งหลาย” แสดงว่ามิสกีนนั้นไม่ใช่เขาไม่มีอะไร เขามีแต่เขาไม่พอใช้ ดังนั้นการที่เรารักคนมิสกีน จึงนับเป็นการสร้างความรู้สึกให้แก่เขาว่าเขามีฐานะไม่ด้อยกว่าคนอื่นๆ ถึงแม้เขาจะไชด้อยในด้านปัจจัย แต่ในด้านเกียรตินั้นเขาไม่ด้อย อันนี้เป็นการสร้างความเสมอภาคและความรักใคร่ในสังคมเพราะเขาเหล่านั้นมักจะดูถูก การที่ท่านร่อซูลกำชับให้ใกล้ชิดกับบรรดามิสกีนนั้น มิได้หมายความว่าห้ามมิให้คบกับคนรวย แต่การคบกับคนรวยนั้นต้องคบกันในทางของอัลลอฮฺ อย่างไรก็ตามก็ควรที่ให้ความสนใจแก่คนมิสกีน เพราะจะทำให้เขามีความอบอุ่นใจไม่รู้สึกว่ามีปมด้อย ดังนั้นการปฏิบัติดีต่อเพื่อนมนุษย์นั้นท่านรอซูลให้ถือเป็นหน้าที่ เพราะเขาเหล่านั้นเป็นพี่น้องของท่าน สำหรับการที่เขามีฐานะอย่างไรนั้นไม่ถือเป็นประเด็นสำคัญและถ้าหากสังคมใดไม่มีการปฏิบัติเช่นนี้ มักจะเกิดคำครหาหรือวิพากษ์วิจารณ์ว่าพวกนี้เล่นพวก พวกนี้คบแต่คนมีฐานะ พวกนี้แล้งน้ำใจไม่คบพวกเรา เพราะเรามีฐานะยากจน นี่นับว่าเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สังคมนั้นเกิดการแตกแยก ไม่มีเอกภาพ ซึ่งในเรื่องนี้ท่านร่อซูลได้กำชับไว้มากไม่ใช่ในฮะดีษนี้ฮะดีษเดียวเท่านั้น
สำหรับการทำดีกับมิสกีนด้วยการไปเยี่ยมเขา ไม่ทำตนว่ามีฐานะหรือว่ามีเกียรติสูงกว่าเขาหรือทำตนให้เขาคิดว่าเรายโส แต่ต้องทำตนให้เขาคิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน เพราะมุสลิมนั้นเป็นพี่น้องกัน และการที่เราปฏิบัติซึ่งสิ่งที่ท่านร่อซูลใช้นั้นถือเป็นเกียรติแก่เรา และขอให้เราคำนึงถึงเรื่องนี้ หากเราไม่ปฏิบัติดังที่ท่านร่อซูลสอนแล้ว สังคมอิสลามของเราจะมีความเป็นเอกภาพหรือเจริญไม่ได้
2. ให้มองคนที่มีฐานะด้อยกว่าอย่ามองคนที่มีฐานะสูงกว่า เรื่องนี้นับว่าเป็นผลดีมากในการดำเนินชีวิตของเรา เพราะถ้าหากเรามองดูคนที่เขามีฐานะสูงกว่าเรา ทำให้เกิดความทะเยอทะยานอยากมีอย่างเขา เช่น เขามีโทรทัศน์ มีรถยนต์ หรือมีบ้านใหม่ใหญ่โต หรือเขาขยายบ้าน เราก็ต้องทำให้เหมือนเขาหรือยิ่งกว่าเขามิเช่นนั้นจะน้อยหน้าโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงฐานะของเค้าและเราว่ามันต่างกัน ซึ่งถ้าเราจะกระทำตามเขาเท่ากับว่าเรารับภาระเกินกว่าที่เราจะหามาได้ทำให้เราต้องมีหนี้สินโดยการไปยืมหรือไปกู้เขามาหรือต้องทำในสิ่งที่ละเมิดบัญญัติเพื่อให้มีฐานะเท่าเทียมผู้อื่น ซึ่งถ้าเรามองทางด้านเศรษฐกิจแล้วไม่สมควรอย่างยิ่งดังนั้นเราจงอย่ามองคนที่มีฐานะสูงกว่าเพราะจะทำให้เรามีความกังวลใจหรือเกิดความอิจฉาริษยา แต่เราจงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ใช้จ่ายให้พอเหมาะกับฐานะตน ให้เราคิดว่ามีฐานะเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่อัลลอฮ ให้ริสกีแก่เราเช่นนี้เพราะคนที่ฐานะยากจนกว่าเรายังมีอีกมาก
3. ใครสั่งเสียให้ติดต่อเครือญาติ เครือญาติในที่นี้คือคนที่เราต้องทำดีต่อเขา สิ้นท่าจะเป็นคนที่สูงอายุและเขาขาดคนดูแล หรือเป็นผู้ที่ยากจน หรือเป็นแม่หม้าย และการติดต่อหรือช่วยเหลือเขานั้นต้องช่วยในหนทางของอัลลอฮ เช่นสมมติเขาไปเล่นการพนันแล้วขาดทุน เราจะบอกว่าเราต้องช่วยเหลือเขาเพราะเขาเป็นญาติกับเรา การช่วยเหลือเช่นนี้ทำไม่ได้ การที่ท่านร่อซูลกำชับให้เราติดต่อเครือญาตินั้นมีผลบุญคือ ท่านร่อซูลกล่าวว่า”ผู้ใดต้องการมีริสกีหรือต้องการให้อายุยืนเขาจงติดต่อเครือญาติ” การติดต่อเครือญาตินั้นต้องอยู่ในขอบเขตและเป็นการสร้างความอบอุ่นใจ ให้แก่เขาในฐานะที่เขายากจนกว่าหรือด้อยกว่าและเราต้องช่วยเหลือเขาในด้านทรัพย์เราอย่าคิดว่าการคุกกับญาติที่มีฐานะยากจนนั้นเป็นเรื่องน่าอับอาย สิ่งเหล่านี้แหละที่ท่านร่อซูล ใช้ให้เราปฏิบัติ แต่ถ้าหากว่าเราติดต่อกับญาติซึ่งเมื่อเราคบกับเขาแล้วทำให้เราเกิดความสงสัยในเรื่องศาสนา(บิดเบือนหลักการ) หรือเครือญาติที่คุยแต่เรื่องไร้สาระหรือใส่ร้ายผู้อื่นถ้าเป็นเช่นนี้ก็ให้เราห่างไกลจากเครือญาติประเภทเหล่านี้
4. กำชับมิให้ขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากผู้ใด จากข้อนี้จะเห็นได้ว่าท่านร่อซูลไม่สนับสนุนให้เป็นผู้แบมือขอเพราะผู้ที่แบมือขอนั้นในวันที่เขากลับไปหาอัลลอฮ ใบหน้าของเขาจะมีแต่กระดูก แสดงว่าใบหน้าของเขาไม่มีราศีอยู่เลย เหตุที่ท่านร่อซูลไม่สนับสนุนให้เป็นผู้ที่แบมือขอ เพราะจะทำให้เขาขี้เกียจทำงาน การขอเป็นสิ่งที่ง่ายดังตัวอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้คือผู้ที่เดินขอทานตามบ้าน ทั้งๆพี่พวกนี้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงมีฐานะและไม่อดยากจริงๆแต่อ้างว่าตนเป็นผู้ที่อดอยากหรือแร้นแค้น
5. กำชับให้พูดความจริงแม้ว่ามันจะขมขื่น ในที่นี้ท่านร่อซูลกำชับให้เราพูดแต่ความจริงแม้ว่ามันจะสร้างความเดือดร้อนแก่เรา แต่สิ่งที่ท่านร่อซูลได้สั่งเสียแก่เรานี้ได้กายไปจากสังคมของเรามานานแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดความจริง เพราะกลัวว่าตนเองจะเดือดร้อนหรือเสียประโยชน์ เหตุผลที่คุณไม่กล้าพูดความจริงนั้นมี 2 ประการคือ มีอีมานอ่อนและไม่กล้าพูดเพราะเขายังกระทำสิ่งนั้นหรือยังทำชั่วอยู่จึงไม่กล้าตักเตือนผู้อื่น ในการที่เราจะพูดความจริงน้ำเราต้องหาจังหวะและโอกาส อย่าทำโดยพละการและอย่าทำโดยการประจานให้เขาเกิดความอับอาย
6. กำชับมิให้เกรงกลัวการตำหนิในเรื่องของอัลลอฮ หมายถึงเราต้องกล้าพูดในเมื่อผู้หนึ่งผู้ใดกระทำไม่ถูกต้องในเรื่องศาสนาแม้ว่าการกำชับให้รู้ขอบเขตของอัลลอฮนั้นจะได้รับการตำหนิ เช่นการจัดงานเลี้ยงแล้วไม่คำนึงถึงเวลาละหมาดหรือได้เวลาละหมาด เราไม่ตักเตือนเขาโดยบอกว่าเป็นการไม่สุภาพหรือไม่เป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ สิ่งเรานี้ขอให้เราคำนึงว่าการรักษาเกียรติต้องรักษาให้ถูกเรื่อง เราต้องให้ความสำคัญในเรื่องของอัลลอฮหรือให้เกียรติอัลลอฮมากกว่ามนุษย์
7. กำชับให้กล่าวว่า “ลาเฮาละ วะลากูวะตะ อิลลาบิลลาฮ” ในใจซึ่งคำพูดนี้จะสร้างฐานะให้เรา ทำให้เราเป็นผู้ที่มอบหมายต่ออัลลอฮและการกล่าวคำนี้ตลอดเวลาเป็นการรดน้ำต้นไม้แห่งการอีมานให้กับเรา และสร้างกำลังใจให้กับเราและคำพูดที่เป็นการเพาะในสวรรค์นั่นก็คือ”ซุบฮานัลลอฮ วัลฮัมดุลิลลาฮ วัลลอฮฮุอักบัร วะเฮาละวะลากูวะตาอิลลาบิลลา” การพูดเช่นนี้จะเป็นการสร้างพลังแก่เราไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดและทำให้มีกำลังวังชาที่ดี และนอกจากนี้ยังเป็นการรักษาลิ้นให้พ้นจากการพูดและคิดในสิ่งที่ไม่ดี เพราะการนึกถึงอัลลอฮนั้นเป็นการสร้างความอบอุ่นใจกับเรา และให้เราผลจากชัยตอนที่มากระซิบกระซาบ
สำหรับคำสั่งเสียของท่านร่อซูลที่ให้แก่ท่านอบูซัรรินนี้ เป็นคำสั่งเสียที่มีคุณค่ายิ่งควรที่เราทุกคนจะนำเอาไปปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหรือจะมีฐานะเช่นใด
มัสยิดอันซอริซซุนนะฮฺ บางกอกน้อย
28 ส.ค. 35