ความบริสุทธิ์ใจและการตั้งเจตนารมณ์

            มุสลิมทุกคนจะต้องมีความเชื่อมั่นหรือให้ความสำคัญในเรื่องของการตั้งเจตนารมณ์ ทั้งนี้เพราะกิจการต่าง ๆ ของมุสลิมที่เกี่ยวกับทางด้านศาสนาหรือทางด้านต่าง ๆ ที่มิใช่ศาสนาย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเจตนารมณ์ คือ จะเข้มข้นหรือหย่อนยาน จะถูกต้องหรือเสียหาย และจะได้รับผลบุญแห่งการตอบแทนหรือได้รับโทษ ย่อมขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนารมณ์ การศรัทธาของมุสลิมในเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นแก่ทุกกิจการเพื่อที่จะแก้ไขและปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการศรัทธา ดังที่อัลลอฮฺตะอาลาได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัลบัยยินะฮฺและซูเราะฮฺอัซซุมัรว่า :

وَمَآ أُمِرُوٓا۟ إِلَّا لِيَعْبُدُوا۟ ٱللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ ٱلدِّينَ حُنَفَآءَ وَيُقِيمُوا۟ ٱلصَّلَوٰةَ وَيُؤْتُوا۟ ٱلزَّكَوٰةَ ۚ وَذَٰلِكَ دِينُ ٱلْقَيِّمَةِ ٥

ความว่า “และพวกเขามิได้ถูกบัญชาให้กระทำอื่นใดนอกจากเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในศาสนาต่อพระองค์”

ซูเราะห์อัลบัยยินะห์ : อายะห์ที่ 5

قُلْ إِنِّىٓ أُمِرْتُ أَنْ أَعْبُدَ ٱللَّهَ مُخْلِصًۭا لَّهُ ٱلدِّينَ ١١

ความว่า “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์”

ซูเราะห์อัซซุมัร : อายะห์ที่ 11

            และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังได้กล่าวยืนยันอีกว่า :

إِنَّما الأَعْمَالُ بالنِّيَّاتِ وَإِنَّما لِكُلِّ امْرِئٍ ما نَوَى

ความว่า “แท้จริงการงานทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนารมณ์ และแท้จริงสำหรับทุกคนนั้นคือสิ่งที่เขาตั้งใจ”

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม)

            และอีกหะดิษหนึ่งที่ว่า :

إنَّ اللَّهَ لا يَنْظُرُ إلى صُوَرِكُمْ وأَمْوالِكُمْ، ولَكِنْ يَنْظُرُ إلى قُلُوبِكُمْ وأَعْمالِكُمْ.

ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงเพ่งมองไปยังรูปร่างของพวกท่านและทรัพย์สมบัติของพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงเพ่งมองไปยังจิตใจของพวกท่านและการงานของพวกท่าน”

(บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

            การเพ่งมองไปยังจิตใจหมายถึง การเพ่งมองไปยังเจตนารมณ์ เพราะการตั้งเจตนารมณ์นั้นย่อมจะกระตุ้นและพลักดันไปสู่การกระทำ ดังเช่นคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า :

مَن هَمَّ بحَسَنَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْها، كُتِبَتْ له حَسَنَةً، ومَن هَمَّ بحَسَنَةٍ فَعَمِلَها، كُتِبَتْ له عَشْرًا إلى سَبْعِ مِئَةِ ضِعْفٍ، ومَن هَمَّ بسَيِّئَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْها، لَمْ تُكْتَبْ، وإنْ عَمِلَها كُتِبَتْ.

ความว่า “ผู้ใดมีเจตนาหรือตั้งใจที่จะกระทำความดีแต่เขามิได้กระทำ มันจะถูกบันทึกความดีให้แก่เขาและผู้ใดตั้งใจที่จะกระทำความดีและเขาก็ปฏิบัติความดีนั้น จะถูกบันทึกความดีให้แก่เขาตั้งแต่สิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า และผู้ใดมีเจตนาที่จะกระทำความชั่วแต่เขามิได้ปฏิบัติมัน ความชั่วนั้นจะไม่ถูกบันทึก (อีกริวายะฮฺหนึ่งระบุว่า อัลลอฮฺจะทรงบันทึกความดีหนึ่งให้แก่เขา) แต่ถ้าเขาปฏิบัติมัน ความชั่วนั้นจะถูกบันทึกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

ท่านพี่น้องมุอฺมินผู้ศรัทธาทั้งหลาย

            เพียงแต่การตั้งใจที่จะปฏิบัติความดีแต่ท่านไม่มีโอกาสที่จะกระทำมัน จะด้วยเหตุผลที่ว่าท่านไม่มีโอกาสที่จะกระทำเพียงเพราะอุปสรรคประการใดก็ตาม ท่านก็จะได้รับผลบุญการตอบแทนที่ดี เนื่องมาจากท่านมีเจตนาที่ดี แต่ถ้าท่านได้ตั้งเจตนาที่จะกระทำความดี และท่านมีโอกาสที่จะกระทำมันด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺตะอาลาแล้ว การตอบแทนหรือผลบุญที่ท่านจะได้รับนั้นมีตั้งแต่สิบเท่าหรือเจ็ดร้อยเท่าหรือมากกว่านั้น ในทางที่ตรงกันข้าม หากผู้ใดตั้งใจที่จะกระทำความชั่วแต่เขามิได้กระทำ จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม เขาผู้นั้นจะได้รับการตอบแทนหรือถูกบันทึกว่าเขาได้กระทำความดี แต่ถ้ากระทำความชั่วอันเนื่องมาจากการตั้งใจเพราะชัยฏอนเป็นผู้ชี้นำทางแก่เขา ผลตอบแทนแห่งการทำชั่วของเขาจะถูกบันทึกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

            จากที่ได้กล่าวมานี้เราจะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺตะอาลานั้นทรงเมตตาปราณีต่อบ่าวของพระองค์เพียงใด แต่มนุษย์ใจชั่วที่ตกเป็นทาสของชัยฏอนอยู่เป็นประจำ จะไม่นึกกระดากใจบ้างเชียวหรือ? เขายังคงเนรคุณต่อพระองค์อยู่ทุก ๆ วัน โดยไม่คำนึงถึงบุญคุณของพระผู้ทรงให้บังเกิดเขามา ทรงประทานนิอฺมัตความโปรดปรานแก่เขาอย่างต่อเนื่อง พระองค์ไม่ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากบ่าวของพระองค์เลย แต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่พระองค์ต้องการคือ การเคารพภักดีต่อพระองค์องค์เดียวเท่านั้น พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะให้สิ่งอื่นใดหรือผู้หนึ่งผู้ใด ได้รับการเคารพภักดีหรือได้รับเกียรติคู่เคียงกับพระองค์

وَمَا خَلَقْتُ ٱلْجِنَّ وَٱلْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ ٥٦

ความว่า “และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า”

ซูเราะห์อัซซาริยาต อายะห์ที่ 56

            การเคารพภักดีหรืออิบาดะฮฺต่อพระองค์นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่มุอฺมินมุสลิมจะต้องศึกษาค้นคว้าให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นแล้วจะทำให้การกระทำหรือการปฏิบัติของเขาไร้ผลหรือเป็นผลเสียหายแก่ผู้ปฏิบัติก็เป็นได้ ดังนั้นการตั้งเจตนารมณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์อัลลอฮฺตะอาลาเท่านั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่มุสลิมมุอฺมินทุกคนจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

            เรื่องของการอิบาดะฮฺหรือการเคารพภักดีนั้น มุสลิมมุอฺมินมีโอกาสที่จะกระทำได้ทุกกาลเวลาทุกสถานที่นอกจากบางสถานที่ที่ระบุห้ามไว้เท่านั้น คือ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน ตื่นนอนขึ้นมาเราก็สรรเสริญขอบคุณพระองค์ที่ได้ให้เรามีชีวิตใหม่อีกวันหนึ่งหลังจากที่เรามีสภาพเหมือนคนที่ตายไปแล้ว ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำเราก็วิงวอนขอต่อพระองค์ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย หลังจากออกจากห้องน้ำเราก็ขอบคุณพระองค์ที่เราได้ปลดทุกข์ออกไป ด้วยพระนามของอัลลอฮฺเราเริ่มอาบน้ำละหมาดแล้ววิงวอนขอดุอาอฺ จากนั้นเราก็ละหมาดซุนนะฮฺเท่าที่เวลาจะอำนวยให้ก่อนที่จะไปร่วมละหมาดญะมาอะฮฺในเวลาศุบฮฺที่มัสยิด ขณะที่เราออกจากบ้าน เราก็วิงวอน ขอดุอาอฺจนกระทั่งถึงมัสยิด

            การไปร่วมละหมาดญะมาอะฮฺที่มัสยิดอย่างพร้อมเพรียงกันของผู้ชายเป็นสิ่งจำเป็น หากพวกท่านรู้ถึงความสำคัญและผลบุญของผู้ปฏิบัติแล้ว พวกท่านจะต้องพยายามฏิบัติอย่างสุดความสามารถ พวกท่านจะต้องเปลี่ยนทัศนะคติแห่งความเคยชิน แล้วหันมาปฏิบัติกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อหวังการตอบแทนซึ่งจะได้แก่ตัวของท่านเอง หะดิษที่จะมากล่าวต่อไปนี้ หากท่านไม่ปรับเปลี่ยนความเคยชินและความเฉื่อยชาและไม่ให้ความสำคัญแล้ว ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไปหาคำสั่งสอนของใครมาว่ากล่าวตักเตือนให้เห็นความสำคัญของการละหมาดคณะญะมาอะฮฺกันอีกแล้ว มีรายงานจากอบีฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า :

صَلَاةُ الرَّجُلِ في جَمَاعَةٍ تَزِيدُ علَى صَلَاتِهِ في بَيْتِهِ، وَصَلَاتِهِ في سُوقِهِ، بضْعًا وَعِشْرِينَ دَرَجَةً، وَذلكَ أنَّ أَحَدَهُمْ إذَا تَوَضَّأَ فأحْسَنَ الوُضُوءَ، ثُمَّ أَتَى المَسْجِدَ لا يَنْهَزُهُ إلَّا الصَّلَاةُ، لا يُرِيدُ إلَّا الصَّلَاةَ، فَلَمْ يَخْطُ خَطْوَةً إلَّا رُفِعَ له بهَا دَرَجَةٌ، وَحُطَّ عنْه بهَا خَطِيئَةٌ، حتَّى يَدْخُلَ المَسْجِدَ، فَإِذَا دَخَلَ المَسْجِدَ كانَ في الصَّلَاةِ ما كَانَتِ الصَّلَاةُ هي تَحْبِسُهُ، وَالْمَلَائِكَةُ يُصَلُّونَ علَى أَحَدِكُمْ ما دَامَ في مَجْلِسِهِ الذي صَلَّى فيه يقولونَ: اللَّهُمَّ ارْحَمْهُ، اللَّهُمَّ اغْفِرْ له، اللَّهُمَّ تُبْ عليه.

ความว่า “การละหมาดญะมาอะฮฺของชายคนหนึ่งมีผลบุญมากกว่าการละหมาดของเขาที่ตลาดและที่บ้านของเขา 20 กว่าเท่า ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขาอาบน้ำละหมาดอย่างดีที่สุด แล้วก็เดินไปมัสยิดโดยไม่ประสงค์สิ่งอื่นใดนอกจากการละหมาด ไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะทำให้เขาออกจากบ้านนอกจากการละหมาด การก้าวเท้าก้าวหนึ่งของเขาจะได้รับความดีหนึ่งตำแหน่งและจะลบล้างความผิดของเขาหนึ่งครั้งจนกระทั่งเข้ามัสยิด ขณะที่เขานั่งรอการละหมาดอยู่นั้นเสมือนกับเขาอยู่ในการละหมาด เพราะการละหมาดฟัรฎูนั้นทำให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนั้น ขณะที่เขากำลังนั่งรออยู่นั้น บรรดามลาอิกะฮฺจะวิงวอนขอพรให้แก่คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านตราบที่เขาอยู่ในสถานที่นั้นเพื่อทำการละหมาด บรรดามลาอิกะฮฺกล่าวขึ้นว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงเมตตาแก่เขา ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงเมตตาแก่เขา ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษแก่เขา ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงยกโทษให้แก่เขา”

 ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเรียนรู้และศึกษากันให้ถูกต้องเสียที เพราะท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวเตือนผู้ที่มีความตั้งใจจริงในการทำละหมาดว่า :

صَلُّوا كما رَأَيْتُمُونِي أُصَلِّي

ความว่า “ท่านทั้งหลายจงทำละหมาดเหมือนกับพวกท่านเห็นฉันทำละหมาด”

            ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวเปรียบเทียบเช่นนี้ เพราะท่านมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อประชาชาติของท่านในการทำอิบาดะฮฺ เพื่อที่จะให้การทำอิบาดะฮฺเป็นไปอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ มิฉะนั้นแล้วการทำละหมาดการทำอิบาดะฮฺก็จะไม่บังเกิดผลแต่ประการใด

            ดังนั้นในเมื่อพี่น้องมุสลิมมีความตั้งใจที่จะกระทำละหมาดหรือประกอบอิบาดะฮฺอื่นใดตามที่อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์สั่งใช้ให้กระทำแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้เพื่อนำมาประกอบการทำอิบาดะฮฺให้ถูกต้องสมบูรณ์ซึ่งผลตอบแทนนั้นจะได้แก่ตัวของท่านเอง มาเถิดท่านพี่น้องมุอฺมินผู้ศรัทธาทั้งหลาย เวลาที่จะเหลือให้เราประกอบกรรมทำอิบาดะฮฺมีน้อยเหลือเกิน  ถ้าเราไม่รีบตักตวงทำเสียแต่วันนี้แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะมีโอกาสได้กระทำหรือไม่ในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เพราะทุกคนจะต้องพบกับความตายอย่างแน่นอน และทุกคนได้เตรียมตัวอะไรไว้บ้าง กระทำอิบาดะฮฺของท่านครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่ เพราะการกระทำอิบาดะฮฺทุกชนิดนั้น ท่านจะต้องกระทำด้วยการศึกษาเรียนรู้ ไม่ใช่ด้วยการเลียนแบบหรือความเคยชิน

มัสยิดอันซอริซซุนนะห์

20 สิงหาคม 2536 (22 ซอฟัร 1414)

Message us